ทำไมคนถึงชอบใช้ตัวเรือน 18K

 

เมื่อนึกถึงแหวนหมั้นหลายๆ คนมักจะนึกไปถึงภาพเพชรเม็ดเดี่ยวบนตัวเรือนเรียบง่าย สีขาว 

ด้วยรูปแบบในการนำเสนอที่เรียบเพื่อเน้นความเด่นของเม็ดกลางให้ดูสง่า ก้านเรียบๆ

สะท้อนถึงความสมดุลย์ของทั้งสองข้างในการโอบรับเพชรเม็ดกลาง ลักษณะด้านข้างเปิดโปร่ง

เพื่อเพิ่มช่องให้แสงส่องผ่านเพชรได้สะดวก  

 

ความเรียบง่ายบนความเรียบง่าย มักสร้างให้เกิดความสะดุดตา สำหรับคนที่ใส่ใจ ในการดูรายละเอียด

ตัวเรือนแหวนหมั้นที่เรียบๆ บนนิ้วเจ้าของบ่งบอกความเป็นไป ของความสบายๆ ที่ดูเมื่อไรก็ไม่เบื่อ

อาจเพราะเจ้าแหวนหมั้นวงนั้นได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน 

หรืออาจเพราะประกายความงามกับภาพความทรงจำที่พอนึกถึงเมื่อไร เป็นต้องอมยิ้มทุกครั้งไป


         คงด้วยเหตุผลนี้กระมังที่ทำให้ แบบแหวนหมั้นเรียบ ๆ เป็นที่นิยมข้ามยุคข้ามสมัย

จะแตกต่างกันบ้างก็ที่สีของเนื้อตัวเรือน บางยุคนิยมชมชอบ เรือนสีทองเข้มๆ บางยุคเป็นสีทองอ่อนๆ

บางยุคนิยมเรือนขาว

          ลองมาดูความแตกต่างของตัวเรือนกับเกร็ดเล็กๆ ในการเลือกเพชรบนตัวเรือน แต่ละชนิดกัน

ตัวเรือนสีทองที่เป็นที่รู้จักกันทั่วไปก็มี ทองคำ 90% กับ ทองคำ18K ส่วนตัวเรือนสีขาวที่นิยมกันได้แก่

ทองคำขาว 18k  และแพลตินั่ม 

 

          เรือนทอง 90% ในความเป็นจริง ทองยิ่งมีเปอร์เซ็นต์ที่สูง ยิ่งนิ่ม นั่นแปลว่ารูปทรงของตัวแหวน

แทนที่จะแลดูกลม อย่างที่เห็นเมื่อซื้อมาครั้งแรก พอนานวัน กลับสามารถเปลี่ยนรูปร่าง ได้ตามแรงกระแทก

แต่ด้วยสีทองที่ดูเข้มสด แหวนทอง 90% จึงเป็นที่เข้าตา เข้าใจใครหลายๆคน และหากคุณเป็นหนึ่งในหลาย ๆ คนนั้น

ก็อยากจะขอแนะนำว่า ควรเลือกรูปแบบของตัวเรือน ที่มีความหนาของก้าน โดยเฉพาะด้านล่างบริเวณ

ที่รับแรงกระแทก เพื่อความคงทนในการใช้งาน

 

          เรือนทอง 18K   แม้สีของเนื้อทองจะไม่ดูสดอย่างทอง 90% แต่ความคงทนในการใช้งาน

กับสีทองจืดที่ดูไม่สะดุดตานักกลับเป็นที่นิยมของคู่แต่งงานที่มีวิถีการดำเนินชีวิต

และกิจกรรมที่ชอบงานอดิเรกกลางแจ้ง เรือนทองนี้เหมาะนักกับการใช้งานสมบุกสมบัน

          ในการส่งเรือนทอง 18k นี้ออกไปขายในต่างประเทศ  ร้านค้ามักจะตีตราเปอร์เซ็นต์ทองไว้ที่ด้านในของวงแหวน

ด้วยตัวเลข 750 ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ ที่มีความหมายว่า มีเนื้อทองผสมอยู่ 75% ส่วนอีก 25%

ที่เหลือเป็นโลหะมีค่าชนิดอื่นที่ผสมลงไป เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของตัวเรือน

และก็เจ้า 25% นี่เองที่เป็นตัวกำหนดสีของตัวเรือนเมื่อเสร็จ การใส่ส่วนผสมที่ต่างสัดส่วนกันออกไป

สามารถทำให้ เนื้อทองก้อนนั้นๆ มีสีขาว (White Gold) สีทอง (Yellow Gold) หรือ กระทั่งสีชมพู (Pink Gold)

อย่างที่เห็นบ่อยๆ ตามแม็กกาซีนต่างชาติ สีของทองที่ได้มาจากวิธีการข้างต้น เป็นสีที่อยู่ติดทนกับตัวเรือน

แม้จะผ่านการใช้งาน ไปเป็นเวลานานก็ตาม ผิดกับการเอาเนื้อแหวนสีทอง มาชุบเคลือบสีขาว เฉพาะด้านนอก

เพราะแบบหลังนี้ เมื่อผ่าน การใช้งานไปได้เพียงระยะเดียว ส่วนที่เคลือบก็จะหลุดออก ทำให้ยุ่งยาก ต้องกลับ ไปเคลือบใหม่เป็นกิจวัตร

 

          แพลตินั่ม (Platinum) เป็นแร่ธาตุอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับแร่ทอง คุณสมบัติส่วนตัว

เธอเป็นผู้หญิงที่แกร่งมากที่สุดคนหนึ่ง การผสมสัดส่วน ของแพลตินั่มตามที่นิยมมี 2 แบบค่ะ คือผสมแบบ 9000 กับ 9500

แปลกันง่ายๆ ว่าผสมแบบ 90% กับ 95% เธอเป็นที่นิยมไม่แพ้ตัวเรือนชนิดอื่นๆ หากแต่ด้วยคุณสมบัติส่วนตัวที่ทนความร้อนสูง

ทำให้การเก็บรายละเอียดและ ความเรียบร้อยในการทำงานทำได้ลำบาก ก็ด้วยเหตุทางด้านค่าใช้จ่ายและความเรียบร้อยในการเก็บงาน

ขอแนะนำนะคะว่า ควรเลือกซื้อตัวเรือนสำเร็จรูปดีกว่าการสั่งทำทีละวง


        การเลือกซื้อเพชรสำหรับตัวเรือนสีทอง ควรเน้นที่การเจียระไนที่ดี ทั้งในเรื่องของความสมมาตร

และความเรียบร้อยในการเก็บรายละเอียดงาน มากกว่าการเลือกซื้อที่สีของเพชร

เนื่องจากแต่ละเหลี่ยมของเพชรจะทำหน้าที่เหมือนกระจกเงาสะท้อนสิ่งที่อยู่รอบๆ ตัวออกมา

ลูกค้าหลายคนที่ชื่นชอบในเรือนสีทองมักจะลงเอยด้วนการเลือกทำเฉพาะฐานกะเปาะที่รองรับ

เพชรเป็นทองขาวเพื่อรักษาความขาวของเพชรบนตัวก้านเรือนสีทอง 


       การจะทำให้เพชรหนึ่งเม็ดดูสวยที่สุดเท่าที่จะเป็นมีหลายปัจจัยค่ะ การขึ้นรูปตัวเรือนและ

การเก็บงานในรายละเอียดมีผลค่อนข้างมาก ดังนั้นไม่ว่าคุณจะตัดสินใจว่าเจ้าแหวนหมั้น

วงน้อยที่จะอยู่บนนิ้วไว้รออวดใครต่อใคร ควรจะเป็นแบบใดก็ตาม สิ่งที่สำคัญไปกว่า

คือการให้เวลาช่างประดิษฐ์งานชิ้นเอกนี้พอสมควร เพราะงานชิ้นเอกมักถูกสร้างมาจาก

การใช้เวลาของคนช่างประดิษฐ์ร่วมกันกับคนที่ใส่ใจในรายละเอียด ก็คุณเองนั่นแหละค่ะ

ที่จะบอกตัวเองได้ดีที่สุดว่าสิ่งใดเหมาะกับคุณ

Visitors: 139,883