ราคาของเครื่องประดับนั้นขึ้นอยู่กับองค์ประกอบดังนี้
1. น้ำหนักและเปอร์เซ็นต์ทองที่นำมาทำเครื่องประดับชิ้นนั้น
2. น้ำหนักและคุณภาพของพลอยหรือเพชร ที่นำมาฝังบนเครื่องประดับนั้น
3. ค่าแรงในการทำเครื่องประดับชิ้นนั้นๆ ซึ่งจะถูกหรือแพงนั้นจะขึ้นอยู่กับคุณภาพ และความ ประณีตของช่างที่ทำเครื่องประดับชิ้นนั้น
4. ราคามาตรฐานของร้านนั้นๆ ร้านค้าซึ่งมีแรงงานที่มีฝีมือและคุณภาพมักจะมีค่าใช้จ่ายสูง ซึ่งจะทำให้สินค้าเครื่องประดับในร้านนั้นมีราคาที่สูงกว่าร้านค้าทั่วไป
สำหรับคนที่ต้องการจะซื้อเครื่องประดับ แต่ไม่มีความรู้ในการเลือกซื้อเครื่องประดับนั้นจะเป็นการดี ถ้าคุณจะจ่ายเพิ่มขึ้นสำหรับร้านค้าที่มีความน่าเชื่อถือและมีคุณภาพ อีกทั้งถึงแม้ว่าการต่อรองราคาจะนิยมใช้กันมากในประเทศไทย แต่ร้านค้าดังๆ มักจะมีราคาที่กำหนดตายตัวแล้ว
เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราซื้อเครื่องประดับในราคาที่ยุติธรรมหรือไม่
คำตอบสำหรับปัญหานี้ก็คือ เราสามารถสังเกตได้จาก การเปรียบเทียบราคาจากร้านแต่ละร้านที่มีสินค้าที่ถูกใจเราซึ่งมีคุณภาพเท่าๆ กัน ซึ่งร้านค้าแต่ละร้านก็ควรจะมีราคาที่ใกล้เคียงกัน แต่ก็ไม่จำเป็นจะต้องมีราคาเท่ากันพอดี ทั้งนี้ ร้านค้าที่เราจะไปเปรียบเทียบ เราจะต้องเปรียบเทียบราคาจากร้านค้าที่มีระดับมาตรฐานเดียวกัน
สิ่งที่ควรคำนึงถึงในการซื้อเครื่องประดับ
น้ำหนักของทองและเปอร์เซ็นต์ของทองที่ใช้ในการประกอบอัญมณีชิ้นนั้น ซึ่งทองที่มี น้ำหนักมาก และเปอร์เซ็นต์ทองสูงจะเป็นชิ้นที่มีคุณค่าราคาสูง
น้ำหนัก ขนาด จำนวนและคุณภาพของอัญมณี โดยพิจารณาคุณภาพจากหลักการของ 4C คือ สี ความบริสุทธิ์ การเจียระไน และน้ำหนักกะรัตของอัญมณี ซึ่งน้ำหนักของพลอยนั้น ไม่ควรดูแต่เฉพาะน้ำหนักรวม ของเครื่องประดับทั้งชิ้น แต่ควรดูน้ำหนักของพลอยแต่ละเม็ดด้วย เช่น ทับทิมเม็ดละ 1 กะรัตนั้น จะมีราคาต่างจากทับทิมเม็ดละ 25 ตังค์ 4 เม็ดรวมกัน
ฝีมือและความประณีตของช่างทำตัวเรือนและการออกแบบ ซึ่งการเปรียบเทียบราคานั้น เราไม่เพียงแต่เปรียบเทียบว่าวัตถุดิบที่นำมาใช้มีคุณค่าเท่ากันหรือไม่ เรายังต้องคำนึงถึง ความประณีตของเครื่องประดับ และการออกแบบเครื่องประดับชิ้นนั้นๆ ควรดูเครื่องประดับโดยรวมว่ามีรอยตำหนิ มีรอยขีดข่วน หรือเป็นรู เป็นตามดหรือไม่ พลอยที่ฝังอยู่ในเครื่องประดับนั้นฝังแน่นหนาดีหรือไม่ เครื่องประดับชิ้นนั้นมีสัดส่วนที่ถูกต้องสวยงาม ไม่บิดเบี้ยว ซึ่งคุณภาพของเครื่องประดับแต่ละชิ้นนั้น แสดงถึงความ เอาใจใส่ในรายละเอียดของขบวนการผลิตเครื่องประดับชิ้นนั้นๆ จากโรงงานที่ผลิตขึ้นมา ความประณีตของช่างทำเครื่องประดับ ก็จะสะท้อนถึงความซับซ้อนของการออกแบบ จำนวนและการจัดเรียงของพลอยที่ประดับอยู่บนเครื่องประดับนั้นๆ
โดยสรุป ในการเลือกเครื่องประดับสักชิ้นนั้น คือดูที่องค์ประกอบ 3 อย่าง ในการเปรียบเทียบ เครื่องประดับสองชิ้น คือ ทอง, พลอย และฝีมือของช่าง
สุดท้ายที่คุณควรคำนึงถึงก็คือ คุณเป็นผู้ตัดสินใจที่ดีที่สุด เหมือนอย่างเช่นงานศิลปะ เครื่องประดับแต่ละชิ้นควรจะตีราคาจากความสวยงาม ซึ่งไม่มีกฎเกณฑ์ที่เป็นมาตรฐานตายตัว แต่ขึ้นอยู่กับรสนิยมของผู้ซื้อแต่ละคนจะเป็นคนตัดสินใจเอง
การซื้อเครื่องประดับสักชิ้นนั้นควรจะเรียกใบเสร็จจากผู้ขาย ซึ่งภายในใบเสร็จนั้นควรจะมีรายละเอียดที่ถูกต้องแน่นอนของเครื่องประดับชิ้นนั้นเช่น จำนวนชิ้นของเครื่องประดับที่ซื้อ รวมถึงประเภทของพลอย น้ำหนัก และจำนวนพลอยที่ฝังอยู่บนเครื่องประดับชิ้นนั้น รวมทั้งน้ำหนัก และเปอร์เซ็นต์ของทองที่นำมาทำเครื่องประดับ ราคาซื้อก็ควรอยู่ในใบเสร็จนั้นด้วย และใบเสร็จก็ควรจะลงวันที่ซื้อและลายเซนต์